ปกติตัว 26 Mhz ชื่อเต็มๆเรียกว่า VCTCXO หรือชื่อ Voltage Controlled Temperature Compensated Xtal Osillator ถ้าแปลเป็นไทยแบบ
ง่าย ก็คือ วงจรผลิตความถี่ แต่ตัว 26 Mhz เองสามารถเปลี่ยนความถี่ได้โดยขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ก็เลยต้องมีวงจรมาชดเชยความถี่ให้คงที่ (ยังไม่กล่าวถึงนะครับ ) ตัว 26
Mhz เองจะอยู่ในวงจรโทรศัพท์รุ่นแรกๆจนถึงปัจจุบัน ตัว 38.4Mhz ที่อยู่ในเครื่องพวกตระกูล BB 5 เช่น N70 เป็นต้น ก็ทำงานเหมือนกันทุกอย่างนะครับ แค่
ความถี่ในวงจรเปลี่ยนไปแค่นั้นเองครับ ถ้าเราเข้าใจแล้วก็จะเหมือนกันหมด ตัว VCTCXO 26 Mhz นั้นจะทำหน้าที่หลักๆอยู่ 2 ส่วนครับ
โดยจะทำหน้าที่ตามนี้ครับ
1. ทำหน้าที่ในส่วนของภาค Base band หรือพูดง่ายๆ คือภาคที่ใช้สำหรับการเปิดเครื่องนั่นเอง โดยก่อนที่ตัวมันจะผลิตความถี่ 26 Mhz นั้น
ตัวมันจะต้องได้รับไฟเลี้ยงด้วย ไฟที่มาเลี้ยงในวงจร 26 Mhz คือไฟ VXO ไฟเลี้ยงชุดนี้ถ้าอยู่ในเครื่องโนเกีย จะออกจาก IC Power เสมอ หรือ Ccont , Uem
หรือ Retu เป็นต้น ไฟเลี้ยงชุดนี้สามารถทำการวัดได้ เครื่องที่เปิดไม่ติดก็สามารถทำการวัดได้เลย ( ถ้าตัว IC Power ทำงานและลายไฟ VXO ไม่ขาด ) เพราะ
ฉนั้นถ้าไม่มีไฟ VXO มาเลี้ยง ตัว 26 Mhz หรือ 38.4Mhz ตัวมันเองก็จะไม่สามารถผลิตความถี่หรือสัญญาณนาฬิกาได้ ผลที่ตามมาก็คือ เครื่องเปิดไม่ติด
สัญญาณนาฬิกา 26 Mhz เป็นสัญญาณนาฬิกาที่ถูกส่งไปให้ CPU ใช้อีกทีหนึ่ง ถือเป็นสัญญาณนาฬิกาหลักของตัว CPU ก็ว่าได้ แต่โดยปกติในเครื่องโนเกีย สัญญาณ
นาฬิกาตัวนี้ก่อนที่จะถูกส่งไปให้ CPU จะต้องถูกการปรับแต่และขยายสัญญาณนาฬิกาของมันก่อน หรือ เราเรียกว่า "การ Buffer " เพื่อให้ได้สัญญาณนาฬิกาที่มีคุณภาพ
ที่ดีขึ้น สัญญาณนาฬิกาไม่ว่า 26 Mhzหรือ 38.4Mhz เมื่อผ่านวงจร Buffer แล้ว จะออกมาเป็นสัญญาณนาฬิกาตัวใหม่แต่ความถี่ยังเท่าเดิม เราเรียกสัญญาณใหม่นี้ว่า
สัญญาณนาฬิกา RFCLK โดยตัวที่ทำหน้าที่ Buffer หรือปรับแต่งก็คือตัว RF IC ( Hagar,Mjolner ,Hinku ) เสมอ(เน้นนะครับว่า เสมอ ) แต่ถ้าใน CPU รุ่นเก่าๆ
เช่น 3310,8210,8250 เป็นต้น ตัว CPU เองต้องการสัญญาณนาฬิกาที่เลี้ยงวงจรของ CPU แค่ 13 Mhzเท่านั้น เพราะฉนั้นในตัว RF IC จะมีวงจรที่ทำหน้าที่หาร
สัญญาณ 26 Mhz ให้เหลือ 13Mhz โดยทำการหาร 2 ภายในวงจรของ RF IC เอง
ถ้าเขียนเป็นสูตรจะได้ สัญญาณนาฬิกา 26 MHz + RF IC = สัญญาณนาฬิกา RFCLK 26 MHz (แล้วถูกส่งไปเป็นสัญญาณนาฬิกาหลักให้กับ CPU หรือ UPP )
สัญญาณนาฬิกา 38.4 MHz + RF IC = สัญญาณนาฬิกา RFCLK 38.4 MHz (แล้วถูกส่งไปเป็นสัญญาณนาฬิกาหลักให้กับ CPU หรือ RAP3G )
เมื่อสัญญาณ 26 Mhz เมื่อเข้าสู่ Sleep mode แล้ว มันจะทำงานอย่างไร
เมื่อเครื่องอยู่ในสถานะ Normal mode หรือ โหมดที่เครื่องเปิดติด สัญญาณนาฬิกา RFCLK 26 Mhz จะถูกส่งไปเลี้ยงให้กับตัว CPU เพื่อเป็นสัญญาณนาฬิกาหลักของตัว CPU
แล้วภายในตัวของ CPU เองจะมีวงจรสำหรับทำการนำสัญญาณนาฬิกา RFCLK 26 Mhz มาทำการหารให้เหลือเท่าไรก็ได้ ( ไม่อธิบายนะครับเดี๋ยวยาว ) เพื่อส่งสัญญาณนาฬิกาไปเลี้ยง
ให้กับ วงจรหรือ IC ในชุดอื่น แต่ถ้าเครื่องเข้า Sleep mode หรือโหมดหลับ คือไม่มีการตอบสนองอะไรเลยจากภายนอกไม่ว่า การกดปุ่ม การชาร์จ การโทรเข้าโทรออก เป็นต้น เครื่องจะ
เข้า Sleep mode ตลอด ( ระยะเวลาที่เครื่องก่อนเข้า Sleep mode โดยไม่มีการตอบสนองจากภายนอกคือประมาณ 15 วินาที ) เมื่อตัวเครื่องเข้า Sleep mode แล้ว ตัว IC Power
จะทำการหยุดจ่ายไฟบางจุดและจ่ายไฟเป็นจังหวะบางจุด แต่สัญญาณนาฬิกา RFCLK ที่เลี้ยงวงจรของ CPU ก็จะไม่หยุดทำงานซะทีเดียว แต่จะทำงานเป็นจังหวะ แล้วตัว CPU เองจะนำ
สัญญาณนาฬิกา Sleep Clk 32.768 Khz มาใช้เลี้ยงวงจรของ CPU แทน "คำตอบที่ได้ก็คือ สัญญาณนาฬิกา26 Mhz ที่ใช้เลี้ยง CPU เมื่อเข้า Sleep mode จะหยุดทำงานเป็นบางจังหวะ "
2. ผลิต สัญญาณนาฬิกาเพื่อเป็นความถี่อ้างอิงหรือ FREQUENCY REFERENCE ให้วงจร เฟส ล็อก ลูป PLL ใน HAGAR เพื่อให้วงจร PLL ผลิตแรงดันไฟผ่านวงจรชาร์จปั๊ม
จ่ายผ่านวงจรลูปฟิลเตอร์ (LOOP FILTER) ให้กับ VCO และ VCO ก็ผลิตความถี่ 3420-3840 MHz ขึ้นมา แต่เนื่องจาก 26 MHz มีการตอบสนองความถี่ที่ไม่คงที่ขึ้นอยู่อุณหภูมิด้วย
ดังนั้นจึงจะเป็นต้องมีวงจรมาชดเชยความถี่ให้คงที่ วงจรที่ชดเชยความถี่ให้คงที่ของ 26 MHz เรียกว่า AFC (AUTO FREQUENCY CONTROL) ซึ่งมาจาก Cobba ในรุ่นเก่าๆ
แต่ถ้าเป็นรุ่นใหม่จะมาจาก UEM หรือ RETU เป็นต้น (หัวข้อนี้ขอไม่อธิบายนะครับ เพราะว่าต้องอธิบายเป็นขั้นตอน ในส่วนของภาค RF ทั้งหมด คราวหน้าถ้ามีเวลาจะมาอธิบายให้ฟังครับ
สรุปได้ว่าตัว 26 Mhz ทำงาน 2 ส่วนครับคือ ในส่วนของภาค Base band และภาควิทยุ หรือ RF
2 ความคิดเห็น:
เป็นประโยชน์มากๆๆเลยครับ ขอบคุณมากๆๆครับผม
ครับแล้วเข้ามาใหม่นะครับ
แสดงความคิดเห็น